Learning


การอ่านเวลาในภาษาอังกฤษ (How to read time)

การอ่านเวลาในภาษาอังกฤษ (How to read time)

การอ่านเวลา สามารถแบ่งออกเป็นสองวิธีด้วยกัน คือ
  1. ระบบเวลาแบบ 12 ชั่วโมง (12-hour clock) เป็นวิธีการบอกเวลาที่นิยมใช้ในภาษาอังกฤษทั่วไป โดยใช้เลข 1 ถึง 12 ตามด้วย a.m. (ante meridiem) หรือ p.m. (post meridiem) ต่อท้าย โดยมีหลักการอ่านดังนี้
  • หากเป็นเวลาเต็มชั่วโมง ให้เติมคำว่า “O’clock” ตามหลังเลขชั่วโมงนั้นๆได้ และ หากเราต้องการย้ำถึงเวลา ก็อาจจะเติมคำว่า “sharp” ลงไปด้วย เช่น
It’s six O’clock now. = ขณะนี้เป็นเวลาหกนาฬิกา
See you tomorrow at six o’clock sharp = แล้วเจอกันพรุ่งนี้ ตอนหกโมงตรง
  • หากเป็นเวลาที่ผ่านชั่วโมงมาแล้ว แต่ไม่เกินสามสิบนาที ให้ใช้คำว่า “past” เข้ามาช่วยในการบอกเวลา เช่น
6.10 = Ten (minutes) past six / Six ten
6.15 = A quarter past six / Six fifteen
6.30 = Half past six / Six thirty
  • หากเป็นเวลาที่ผ่านชั่วโมง และเกินสามสิบนาทีมาแล้ว ให้ใช้คำว่า “to” เข้ามาช่วยในการบอกเวลา เช่น
6.45 = A quarter to seven / Six forty-five
6.50 = Ten (minutes) to seven / Six fifty
6.35 = Twenty-five (minutes) to seven / Six thirty-five

  • การอ่านเวลาแบบระบุเวลาเช้า เย็น เป็นวิธีที่ง่าย และมีความชัดเจนในการสื่อสาร ซึ่งเป็นที่นิยมเช่นกัน เช่น
4.45 p.m. = four forty-five in the evening
4.00 a.m. = four o’clock in the morning

* หากเป็นเวลาเที่ยงตรงพอดีจะใช้คำว่า “at noon หรือ midday” และหากเป็นเวลาเที่ยงคืนตรง ก็จะใช้คำว่า “at midnight”
  1. ระบบเวลาแบบ 24 ชั่วโมง (24-hour clock) เป็น วิธีการบอกเวลาที่ใช้ในหมู่ทหาร หรือ ในการประชุมทางการต่างๆ เพื่อป้องกันการสับสนในการบอกเวลา โดยใช้เลข 1 ถึง 23 และ เลข 00 ในเวลาเที่ยงคืน และไม่มี a.m. / p.m. ตามหลัง โดยมีวิธีการอ่านเวลาที่ต่างไปจากการอ่านเวลาทั่วไป เช่น
20.00 = twenty hundred
03.05 = oh three oh five / zero three zero five
00.35 = midnight thirty-five

การอ่านเวลาในภาษาอังกฤษ (How to read time)

การอ่านเวลาในภาษาอังกฤษ (How to read time)

การอ่านเวลา สามารถแบ่งออกเป็นสองวิธีด้วยกัน คือ
  1. ระบบเวลาแบบ 12 ชั่วโมง (12-hour clock) เป็นวิธีการบอกเวลาที่นิยมใช้ในภาษาอังกฤษทั่วไป โดยใช้เลข 1 ถึง 12 ตามด้วย a.m. (ante meridiem) หรือ p.m. (post meridiem) ต่อท้าย โดยมีหลักการอ่านดังนี้
  • หากเป็นเวลาเต็มชั่วโมง ให้เติมคำว่า “O’clock” ตามหลังเลขชั่วโมงนั้นๆได้ และ หากเราต้องการย้ำถึงเวลา ก็อาจจะเติมคำว่า “sharp” ลงไปด้วย เช่น
It’s six O’clock now. = ขณะนี้เป็นเวลาหกนาฬิกา
See you tomorrow at six o’clock sharp = แล้วเจอกันพรุ่งนี้ ตอนหกโมงตรง
  • หากเป็นเวลาที่ผ่านชั่วโมงมาแล้ว แต่ไม่เกินสามสิบนาที ให้ใช้คำว่า “past” เข้ามาช่วยในการบอกเวลา เช่น
6.10 = Ten (minutes) past six / Six ten
6.15 = A quarter past six / Six fifteen
6.30 = Half past six / Six thirty
  • หากเป็นเวลาที่ผ่านชั่วโมง และเกินสามสิบนาทีมาแล้ว ให้ใช้คำว่า “to” เข้ามาช่วยในการบอกเวลา เช่น
6.45 = A quarter to seven / Six forty-five
6.50 = Ten (minutes) to seven / Six fifty
6.35 = Twenty-five (minutes) to seven / Six thirty-five

  • การอ่านเวลาแบบระบุเวลาเช้า เย็น เป็นวิธีที่ง่าย และมีความชัดเจนในการสื่อสาร ซึ่งเป็นที่นิยมเช่นกัน เช่น
4.45 p.m. = four forty-five in the evening
4.00 a.m. = four o’clock in the morning

* หากเป็นเวลาเที่ยงตรงพอดีจะใช้คำว่า “at noon หรือ midday” และหากเป็นเวลาเที่ยงคืนตรง ก็จะใช้คำว่า “at midnight”
  1. ระบบเวลาแบบ 24 ชั่วโมง (24-hour clock) เป็น วิธีการบอกเวลาที่ใช้ในหมู่ทหาร หรือ ในการประชุมทางการต่างๆ เพื่อป้องกันการสับสนในการบอกเวลา โดยใช้เลข 1 ถึง 23 และ เลข 00 ในเวลาเที่ยงคืน และไม่มี a.m. / p.m. ตามหลัง โดยมีวิธีการอ่านเวลาที่ต่างไปจากการอ่านเวลาทั่วไป เช่น
20.00 = twenty hundred
03.05 = oh three oh five / zero three zero five
00.35 = midnight thirty-five
การอ่านเวลาในภาษาอังกฤษ (วิธีการอ่านเวลา)การอ่านเวลาในภาษาอังกฤษ (วิธีการอ่านเวลา)การอ่านเวลาสามารถแบ่งออกเป็นสองวิธีด้วยกันคือ

    
ระบบเวลาแบบ 12 ชั่วโมง (นาฬิกา 12 ชั่วโมง) โดยใช้เลข 1 ถึง 12 ตามด้วย am (เอเอ็ม) หรือ น. (โพสต์ Meridiem) ต่อท้ายโดยมีหลักการอ่านดังนี้

    
หากเป็นเวลาเต็มชั่วโมงให้เติมคำว่า "โมง" ตามหลังเลขชั่วโมงนั้น ๆ ได้และหากเราต้องการย้ำถึงเวลาก็อาจจะเติมคำว่า "คม" ลงไปด้วยเช่น

    
มัน 06:00 ในขณะนี้ = ขณะนี้เป็นเวลาหกนาฬิกา
    
แล้วพบกันพรุ่งนี้ที่หกโมงเช้าคม = แล้วเจอกันพรุ่งนี้ตอนหกโมงตรง

    
หากเป็นเวลาที่ผ่านชั่วโมงมาแล้ว แต่ไม่เกินสามสิบนาทีให้ใช้คำว่า "อดีต" เข้ามาช่วยในการบอกเวลาเช่น

    
6.10 = สิบ (นาที) ผ่านมาหก / Six สิบ
    
ที่ผ่านมา 6.15 = ไตรมาสหก / Six สิบห้า
    
6.30 = ครึ่งที่ผ่านมาหก / Six สามสิบ

    
หากเป็นเวลาที่ผ่านชั่วโมงและเกินสามสิบนาทีมาแล้วให้ใช้คำว่า "เป็น" เข้ามาช่วยในการบอกเวลาเช่น

    
6.45 = ไตรมาสที่เจ็ด / Six สี่สิบห้า
    
6.50 = สิบ (นาที) ถึงเจ็ด / Six ห้าสิบ
    
6.35 = ยี่สิบห้า (นาที) ถึงเจ็ด / Six สามสิบห้า

    
การอ่านเวลาแบบระบุเวลาเช้าเย็นเป็นวิธีที่ง่ายและมีความชัดเจนในการสื่อสารซึ่งเป็นที่นิยมเช่นกันเช่น

    
04:45 = สี่สี่สิบห้าในตอนเย็น
    
04:00 = 04:00 ในตอนเช้า

    
* "ตอนเที่ยงเที่ยงหรือ" และหากเป็นเวลาเที่ยงคืนตรงก็จะใช้คำว่า "ในเวลาเที่ยงคืน"

    
ระบบเวลาแบบ 24 ชั่วโมง (นาฬิกา 24 ชั่วโมง) หรือในการประชุมทางการต่างๆเพื่อป้องกันการสับสนในการบอกเวลาโดยใช้เลข 1 ถึง 23 และเลข 00 ในเวลาเที่ยงคืนและไม่มี AM / PM ตามหลัง เช่น

    
20.00 = ยี่สิบร้อย
    
03,05 = โอไฮโอ Three โอไฮโอ Five / ศูนย์สามศูนย์ห้า
    
00,35 = เที่ยงคืนสามสิบห้า




Situation : Bob sees his friend sitting alone studying and decides to consult him about a problem.

Bob     : Hey,John? Are you busy?
John   : No,just reviewing my notes from today'lesson......1.......
Bob     : Do you have .....2.....? I need your advice about something.
John   : ....3....What' s the problem
Bob    : ....4.... Sara ?
John  : That cute girl on the tennis team?
Bob    : Yes. Do you think she has a boyfriend?
John  : Why? Do you want...5...?
Bob    : Yes. ...6...invite her to play tennis with me sometime.
John  : Do you want me to...7....she's seeing someone?
Bob    : ....8.....
John  : No problem. My girlfriend knows her well. I'm sure she can...9...that 
               you're interested.
Bob    : That would be great. I knew I could...10... .
John  : Glad to could be of help.
            
                                   .......................*********......................

1) 1.How is it?                                           2.When's that?
     3.Why not?                                            4.What's up?

2)1.any thouhts                                        2.the time
    3.a few minutes                                     4.some idea

3)1.Here you are                                       2.Never mind
    3.Not at all                                              4.Of course

4)1.Have you thought of                         2.Would you like to see
    3.Are youmeeting                                  4.Do you know

5)1.some instructions                             2.to ask her out
    3.an invitation                                       4.to be one

6)1.I'd likemto                                           2.Let's
    3.You will                                                 4.We can

7)1.tell you why                                          2.learn whang
    3.say that                                                  4.find out if

8)1.Will she?                                               2.Could you?
    3.Should I?                                               4.Shall we?

9)1.show something                                 2.give a suggestions
    3.say some words                                  4.let her known

10)1.count on you                                     2.be your friends
      3.be depended on                                4.believe you

                                            ................Thank You...............
      

แปลบทสนธนา:สถานการณ์: บ๊อบเห็นเพื่อนของเขานั่งอยู่คนเดียวการศึกษาและการตัดสินใจที่จะให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาเขา

บ๊อบ: Hey, จอห์น? ที่คุณกำลังยุ่ง?
จอห์น: ไม่เพียงทบทวนบันทึกจาก today'lesson ...... 1 .......
บ๊อบ: คุณมี ..... 2 ..... ? ฉันต้องการคำแนะนำของคุณเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง
จอห์น: .... 3 .... มีอะไรปัญหา
บ๊อบ: .... 4 .... ? ซาร่า
จอห์น: นั่นสาวน่ารักในทีมเทนนิส?
บ๊อบ: ใช่ คุณคิดว่าเธอมีแฟน?
จอห์น: ทำไมล่ะ? คุณต้องการ ... 5 ...
บ๊อบ: ใช่ ... 6 ... เชิญเธอไปเล่นเทนนิสกับฉันบางครั้ง
จอห์น: คุณต้องการให้ฉันไป ... 7 .... เธอได้เห็นคนอื่นได้บ้าง
บ๊อบ: .... 8 .....
จอห์น: ไม่มีปัญหา แฟนฉันรู้เธอดี ฉันแน่ใจว่าเธอสามารถ ... 9 ... ที่
                คุณสนใจ
บ๊อบ: นั่นจะดี ผมรู้ว่าผมสามารถ ... 10 ... .
จอห์น: ดีใจที่ได้สามารถของความช่วยเหลือ


              

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น